แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สาระน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สาระน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ดาวเทียม ดวงแรกของโลก



ดาวเทียม ดวงแรกของโลก


Sputnik Program คือ โครงการส่งยานอวกาศไร้คนขับ ขึ้นสู่วงโคจรของโลก ของสหภาพโซเวียต ซึ่ง สปุตนิกหนึ่ง (Sputnik 1) คือ สุดยอดความสำเร็จในการแข่งขันในการเป็นผู้นำทางด้านอวกาศ ของสหภาพโซเวียต ในยุคสงครามเย็น

รายละเอียดเกี่ยวกับ ดาวเทียม ดวงแรกของโลก

  • สปุตนิก 1 ถือ เป็นสิ่งประดิษฐ์ ที่ มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น ชิ้นแรกที่ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรของโลกสำเร็จ
  • สปุตนิก 1 ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรของโลกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1957 โดยใช้จรวด R-7
  • สปุตนิก 1 มีรูปทรงเป็น ทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 58 เซนติเมตร
  • มีน้ำหนักประมาณ 83.6 กิโลกรัม
  • ดาวเทียมมีเสารับ-ส่งสัญญาณ ทำหน้าที่สำรวจพื้นผิวของโลกและชั้นบรรยากาศ
  • มันโคจรรอบโลกโดยใช้เวลาประมาณ 96.2 นาที
  • อยู่ในวิถีโคจรเหนือพื้นโลกใกล้ที่สุดที่ระดับความสูง 230 กิโลเมตร ไกลที่สุดที่ระดับความสูง 950 กิโลเมตร
  • การควบคุม และการติดต่อกับดาวเทียมสปุตนิกใช้สัญญาณวิทยุที่ส่งจาก Jodrell Bank Observatory
  • ความ สำเร็จนี้ทำให้อเมริกาต้องขวัญผวา เนื่องจากดาวเทียมสปุตนิกโคจร ผ่านสหรัฐอเมริกา 7 รอบ ในแต่ละครั้งอเมริกต้องหวาดกลัว ว่าทางโซเวียตจะมีการทิ้งระเบิดนิวเครียร์ ลงมาหรือไม่
  • โคจรอยู่ในอวกาศรอบโลกอยู่นาน 92 วัน จึงตกลงสู่บรรยากาศของโลก เสียดสีกับบรรยากาศของโลก ลุกไหม้ไปก่อนที่จะตกลงถึงพื้นโลก
ส่วนประกอบ และโครงสร้างของดาวเทียมสปุตนิก 1



  • ผิวภายนอกเป็นโลหะผสม aluminum alloy
  • Ventilation Fan พัดลมระบายอากาศ
  • Power Supply แบตเตอร์รี่ แบบเงิน สังกะสี ( Silver zinc ) จำนวน 3 ลูก สามารป้อนพลังงานสำหรับ สปุตนิกได้ 22 วัน
  • Radio Transmitters เครื่องส่งสัญญาณวิทยุ ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องส่ง 2 ย่านความถี่ 20.005 และ 40.002 เมกะเฮิร์ต(MHz ) ที่จะส่งสัญญาณวิทยุ เป็นเสียงดัง " beep beep beep" ที่วิทยุสมัครเล่น (Ham radio ) จากทั่วโลกสามารถจับสัญญาณได้
ดาวเทียมสปุตนิก มีภาระกิจหลักอยู่ 5 ภาระกิจ คือ
1.           ทดสอบวิธีการระบุตำแหน่งของดาวเทียม สู่ สถานีที่พื้นโลกที่โคจรอยู่ตลอดเวลา
2.           การส่งข้อมูลข่าวสาร ผ่านชั้นบรรยากาศแบบปิด ตลอดระยะเวลาโคจร
3.           ทดสอบระบบการติดตาม สอดแนมโดยใช้ สัญญาณวิทยุ และ ภาพถ่าย
4.           หาผลผลลัพท์ และผลกระทบ เมื่อส่งคลื่นวิทยุผ่านชั้นบรรยากาศ
5.           ตรวจสอบทฤษฎี Pressurization ว่าความดันในอวกาศนั้นเป็นตามแนวคิดหรือทฤษฏี ที่คิดไว้หรือไม่




สปุตนิก 1 ถูกส่งขึ้นจากฐานปล่อยจรวดไบโคนูร์ คอสโมโดรม ที่เมืองเตียราตาม ในคาซักสถาน โดยใช้จรวด R-7 เป็นตัวขับเคลื่อนสู่วงโคจร






 






ข้อมูลอ้างอิง ดาวเทียม ดวงแรกของโลก ( Sputnik 1 )
  • http://en.wikipedia.org/wiki/Sputnik_1
  • http://space.about.com/od/sputnik/ig/Sputnik-1-Pictures-Gallery/Sputnik-1-Assembly.htm
  • http://www.nytimes.com/indexes/2007/09/25/science/index.html
  • http://museumvictoria.com.au/about/mv-news/2007/happy-birthday-sputnik/
  • http://www.nytimes.com/interactive/2007/09/24/science/space/20070924_SPUTNIK_GRAPHIC.html#tab2

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

20 สิ่งประดิษฐ์ "ชิ้นแรกที่เปลี่ยนโลก"!

20 สิ่งประดิษฐ์ "ชิ้นแรกที่เปลี่ยนโลก"! 

วันนี้จะพาคุณย้อนเข็มนาฬิกา ไปขุดคุ้ยหา 20 สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมา และถือว่าเป็นชิ้นแรกในโลก สิ่งของรอบตัวเราล้วนแล้วแต่ดีไซน์มาเพื่อประโยชน์การใช้งาน และความสวยงามแทบทั้งสิ้น แต่ถ้าในอดีตล่ะ สิ่งของเหล่านี้จะมีหน้าตาอย่างไร

1. ถุงยางอนามัย 




มีมานานนับ 11,000 ปี ก่อนคริสตกาล วัตถุประสงค์หลักคือใช้เพื่อป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อย โดยมีหลักฐานคือภาพวาดบนผนังถ้ำในประเทศฝรั่งเศส ที่รู้จักกันในชื่อ Grotte des Combarrelles และในศตวรรษที่ 25 ก็ก่อกำเนิดถุงยางอนามัยที่ใช้สำหรับป้องกันการตั้งครรภ์ นิยมใช้ในหมู่ชนชั้นสูง เป็นถุงยางที่ทำมาจากลำไส้ของสัตว์เช่น หมู แพะ นอกจากนั้นสมัยก่อนยังต้องนำถุงยางไปแช่นมอุ่นๆ ก่อนใช้งานเพื่อประสิทธิภาพอันดีเยี่ยม


2. ผ้าอนามัย 


ผ้าอนามัยวางขายครั้งแรกในปี 1895 มีลักษณะเป็นเข็มขัด การใส่คล้ายการนุ่งผ้าเตี่ยว (ที่ผู้หญิง ๆ ทั้งหลายสมัยก่อน ๆ เรียกว่าโกเต๊ก) ผลิตโดยบริษัท Johnson & Johnson โดยได้ไอเดียมาจากนางพยาบาลที่ใช้เยื่อไม้ซับเลือดผู้ป่วยในสนามรบ ส่วนสมัยก่อนหน้านั้นก็แล้วแต่ภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น ที่นำวัสดุใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้ ซึ่งที่มีทั้งขนสัตว์ หญ้ามอส ฟองน้ำทะเล หรือสาหร่าย ดีขึ้นมาหน่อยก็เป็น เศษผ้า และผ้าดิบ

3. รถยนต์ 

เกิดในปี 1886 หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม Karl Benz วิศวกรชาวเยอรมัน สามารถสร้างรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้คันแรกของโลกได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อ Benz Patent Motorwagen มีโครงสร้างแบบลูกสูบเหมือนเครื่องจักรไอน้ำ แต่เพิ่มอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนเชื้อเพลิงในรูปของเหลวให้กลายเป็นก๊าซ และเพิ่มวาล์วไอดี ไอเสียในรูปแบบของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ

4. ภาพยนตร์ 



ปีค.ศ.1889 Thomas Edison และ William Kennedy Laurie Dickson ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพยนตร์เครื่องแรกของโลกได้สำเร็จ เรียกว่า Kinetograph ซึ่งหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำก็คือ fred ott’s sneeze เป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ในระยะ Medium Close-up ของชายที่กำลังจาม ต่อมาพี่น้องตระกูล Lumière ประดิษฐ์เครื่องถ่ายทำและเครื่องฉายภายในตัวเดียวกัน เรียกว่า Cinematography โดยภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเรื่องแรกคือ La Sortie des ouvriers de I’ usine Lumiere (คนงานออกจากโรงงานลูมิแอร์) แสดงภาพชีวิตประจำวันของคนงานที่ออกจากโรงงาน ซึ่งเป็นการถ่ายที่ไม่มีการจัดฉากใดๆ ทั้งสิ้น

5. ยกทรง 


พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในลอนดอน จัดแสดงยกทรงที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ค้นพบเมื่อปี 1800 ก่อนเป็นบราเซียผ้า ประดับดาประดาให้ฟู่ฟ่าด้วยลูกไม้ และขนนก พร้อมกับแผ่นเสริมที่สามารถยัดไว้ด้านในเพื่อให้หน้าอกหน้าใจดูตู้ม และอุปกรณ์เสริมความงามที่ยกกันมาเป็นบ๊อกซ์เซ็ต ต่อมาปี 1914 Mary Phelps Jacob จดสิทธิบัตรยกทรงที่ทำจากผ้าเช็ดหน้า หลังจากนั้นเป็นต้นมายกทรงก็ได้กลายเป็นแฟชั่น และเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญที่ติดอกของผู้หญิงทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้


6. ยานอวกาศ 



ยาน Enterprise สัญชาติอเมริกันจากองค์การนาซ่า คือยานลำแรกของสหัรฐอเมริกา และของโลก โดยออกบินครั้งแรกด้วยตัวเองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 1977 ปัจจุบันถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Steven F. Udvar-Hazy Center

7. ชุดดำน้ำ 



 ปี 1952 Hugh Bradner นักฟิสิกส์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ออกแบบชุดดำน้ำตัวแรกของโลก โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และกองทัพเรือสหรัฐ ในการออกแบบชุดดำน้ำสำหรับทหาร

8. เรือดำน้ำ



เรือดำน้ำลำแรกของโลกมีชื่อว่า “Drebbel” ถูกสร้างขึ้นในปี 1620 โดย Cornelius Drebbel ชาวดัตช์ มันถูกสร้างเพื่อใช้ในงานราชการของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ โดยสร้างตามมาตรฐานของการออกแบบที่ระบุไว้โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษนามว่า William Bourne ซึ่งเรือดำน้ำ Drebbel นี้ขับเคลื่อนด้วยวิธีการพาย และควบคุมทิศทางด้วยหางเสือ

 9. คอมพิวเตอร์ 




ต้นแบบคอมพิวเตอร์นั้นมีมานานกว่า 2,600 ปี ก่อนคริสตกาล โดยชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus) ส่วนคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ทั่วโลกยอมรับมีชื่อว่า ENIAC (Electronics Numerical Integrator and Computer) พัฒนาขึ้นในปี 1946 โดย John W. Mauchly และ J. Prespern Eckert โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการสร้างระบบคำนวณวิถีกระสุนปืนใหญ่ สร้างขึ้นจากหลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด ใช้พื้นที่วางระบบถึง 15,000 ตารางฟุต หนักกว่า 30 ตัน และกินไฟถึง 140 กิโลวัตต์

 เพิ่มเติมนิดนึง คอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในสงครามนะจ๊ะ

10. โทรศัพท์บ้าน 



ถูกสร้างขึ้นในปี 1876 โดย Alexander Graham Bell เขาพยายามประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับคนหูพิการ ให้มีโอกาสได้ยินเหมือนคนปกติ โดยได้ไอเดียมาจากเสียงเพลงเปียโนที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของเส้นลวด จากนั้นเขาก็สามารถประดิษฐ์โทรศัพท์มันให้ส่งเสียงจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่งได้สำเร็จ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นโทรศัพท์บ้านในยุคปัจจุบัน


11. โทรศัพท์มือ 



ปี 1973 Martin Cooper คือชายคนแรกที่เป็นประดิษฐ์โทรศัพท์มือถือได้เป็นเครื่องแรก จนเป็นพัฒนามาเป็นสมาร์ทโฟนที่เราถือร่อนไปร่อนมาในทุกวันนี้ โดยเครื่องแรกที่วางขายนั้นคือรุ่น Motorola DynaTAC 8000X มีขนาด 13 x 1.75 x 3.5 นิ้ว หนักถึง 28 ออนซ์ จนมีฉายาว่า The Brick หรือก้อนอิฐก้อนโต

12. โทรทัศน์ 



วันที่ 7 กันยายน 1927 Philo T. Farnsworth ที่ตอนนั้นอายุเพียง 21 ปี สามารถส่งสัญญาณในรูปลายเส้นจากเครื่องส่งในห้องหนึ่ง ไปยังเครื่องรับอีกห้องหนึ่งได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากที่ใช้เวลาคิดค้นยาวนานถึง 7 ปีเต็ม ต่อมา 19 ตุลาคม 1929 Philo T. Farnsw ส่งสัญญาณโทรทัศน์ไปสู่เครื่องรับ โดยภาพนั้นเป็นภาพของเอลมา ภรรยาของเขา กับคลิฟ การ์ดเนอร์ ผู้เป็นน้องชายของภรรยา และถือว่า ภาพนี้เป็นภาพแรกของโลกที่ออกฉายสู่หน้าจอโทรทัศน์

13. รองเท้า 
 

ราว 5,000 ปีก่อนคริสตกาล นักโบราณคดีเชื่อว่ามันคือต้นกำเนิดของรองเท้าในปัจจุบัน เมื่อพวกเขาค้นพบรองเท้ากว่า 50 คู่ สภาพเกือบสมบูรณ์ในถ้ำ Fort Rock ประเทศอาร์มาเนีย ที่ทำด้วยเปลือกไม้และหนังวัว แต่อนิจจาเพราะไม่รู้ว่ารองเท้าที่เจอนั่นน่ะ มันเป็นของผู้หญิง หรือของผู้ชายกันแน่ แต่ด้วยรองเท้านั้นเป็นไซส์ 7 ขนาดมาตรฐานอเมริกา จึงคาดว่าน่าจะเป็นของผู้ชายไม่ผิดแน่


14. เกมส์ 



เกมส์ตัวแรกที่ผู้คนทั่วไปให้การยอมรับคือ “Tennis for Two” สร้างขึ้นในปี 1958 โดย William Higinbotham นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ในห้องปฏิบัติการ Brookhaven National Laboratory เกิดอาการเซ็งจิต เมื่อมีผู้เข้าชมห้องปฏิบัติการของเขาแล้วเห็นแต่หน้าปัดนิวเคลียร์เต็มไปหมด และด้วยความเซ็งนี้เอง เขานำคอมพิวเตอร์ที่ใช้คำนวณวิถีโค้งของจรวดมิสซายมาดัดแปลงเป็นเกมส์ซะเลย โดยมีเม็ดสีเขียวๆ มีเส้นคั่นกลางแบ่งเป็น 2 ฝั่ง แล้วใช้ปุ่มบังคับให้เม็ดสีเขียวเด้งไปมา จนใช้ชื่อว่า Tennis for Two อันเป็นจุดเริ่มต้นตำนานเกมส์มาจนถึงปัจจุบัน

15. มอเตอร์ไซค์ 



ถูกออกแบบและสร้างโดยนักประดิษฐ์ชาวเยอรมันชื่อ กอตต์ลีบ ไดม์เลอร์ (Gottlieb Daimler) จดสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1885 ต่อมาได้รับการพัฒนาให้เป็นรถสำหรับใช้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และต่อมาปี 1894 Hildebrand & Wolfmüller คือ มอเตอร์ไซค์ชุดแรกที่ถูกวางขายในเชิงพาณิชย์ และเป็นครั้งแรกที่เรียกอุปกรณ์ขับเคลื่อน 2 ล้อนี้ว่ามอเตอร์ไซค์

16. เครื่องบิน 




ฟลายเออร์ (Flyer) หรือ คิตตี้ ฮอว์ค (Kitty Hawk) คือเครื่องบินลำแรกของโลก สร้างโดยสองพี่น้องตระกูลไรท์ ที่ชื่อ ออวิลล์ และ วิลเบอร์ ผู้ติดปีกสร้างฝันให้กับมนุษย์ที่อยากท่องไปบนฟ้ากว้าง และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีพื้นฐานทางวิศวกรรม แต่หากความมุ่งมั่น และความตั้งใจจากการทดสอบหลายครั้งหลายคราที่ล้มเหลวนั้น ในที่สุดก็ก่อเกิดเป็นเครื่องบินลำแรกที่ลอยบนฟ้าได้นาน 59 วินาที และบินได้ไกลถึง 852 ฟุต

17. นาฬิกา 





นาฬิกามีมานานกว่า 3,500 ปี ในยุคที่มนุษย์นั้นคลุกคลีกับธรรมชาติ ดวงอาทิตย์จึงเปรียบเสมือนนาฬิกาเรือนแรกของโลก โดยการดูจากทิศทางของเงา เช่น ช่วงเช้าคือเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ช่วงกลางวันคือเวลาที่ ดวงอาทิตย์ตรงหัว และช่วงค่ำคือเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จนเป็นที่มาของนาฬิกาแดดที่ใช้บอกเวลาในสมัยนั้น

 18. บิกีนี่



เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 4 จากหลักฐานภาพวาดโมเสคที่ Villa Romana Del Casale ในประเทศอิตาลี แสดงภาพหญิงสาวสองคนกำลังลั้ลลากับลูกบอลชายหายด้วยชุดสองท่อน แต่ถ้าเป็นชุดบิกินีแบบโมเดิร์น ต้องขอบคุณ Jacques Heim ที่ได้ออกแบบ และตั้งชื่อชุดว่ายน้ำตัวกะจิ๋วหลิวให้ผู้ชายได้วาบหวิวเล่นว่า อะตอม (Atom) และ ในปีเดียวกัน Louis Reard ที่ตั้งชื่อว่าชุดว่า Bikini Atol จนเราเรียกว่าบิกินีจนคุ้นชิน


19. แอร์ 



อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มานานแสนนานในยุคของอียิปต์โบราณ โดยการนำต้นกกไปชุบน้ำแล้วแขวนไว้ตามประตู หน้าต่าง เป็นการระบายความร้อน และลดอุณหภูมิของห้องโดยใช้ประโยชน์จากลมธรรมชาติ เมื่อลมมันพัดผ่านต้นกกชุบน้ำ จากลมร้อนก็จะกลายเป็นลมเย็น และด้วยแนวคิดอันชาญฉลาดนี้จึงถือได้ว่า ต้นกกชุบน้ำนี่แหละคือแอร์ตัวแรกของโลก ซึ่งมันน่าจะเป็นต้นแบบในการประดิษฐ์แอร์ไฟฟ้ามาให้เราใช้จนถึงทุกวันนี้เนาะ

อ่านเพิ่มเติมได้จากที่นี่ http://breezairegypt.com/


20. พัดลม 




ปิดท้ายด้วยเทคโนโลยีความเย็นที่มีมานานอีกแล้วเช่นกัน โดยมีมาตั้งแต่อียิปต์โบราณ กรีก และโรมัน ซึ่งดับร้อนด้วยการใช้ใบบัวขนาดใหญ่ หรือขนนกยูง ขณะที่ชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 8 ใช้วิธีพับกระดาษทบไปทบมา (ก็ไอ้ที่เราเคยพับตอนเด็ก ๆ นั่นแหละ) ส่วนของไทยจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากจากพัดโบกที่เราเห็นในหนังจักรๆ วงศ์ๆ จนคุ้นตา


 20 สิ่งแรกของโลกไม่น่าเชื่อว่าของทั้งหมดนั้น จะมาจากความคิดความอ่านของคนสมัยก่อน จนคนที่อยู่ในยุคปัจจุบันอย่างเราๆ ต้องซูฮกให้เลย











 ที่มา : wikipedia, yourtango.com, oknation.net, filmv.wordpress.com, dailymail.co.uk, guru.sanook.com, content.time.com

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

ทหารจะต้องเหน็บเข็มอันแหลมคมไว้ที่ปกเสื้อ

การฝึกทหาร ประเทศจีน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการฝึกทหารกันแบบเข้มงวด และจริงจังมาก ซึ่งถึงขั้น "นำเข็มแหลม" ปักไว้บนปกเสื้อของทหารเพื่อให้ทหารคอเชิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะดูเหมือนทรมาน หากคนใดรู้สึกล้าและคิดจะพักคอมีหวังโดนเข็มแทงให้สะดุ้งกันได้เลย และทำให้คุณหายง่วงไปเลยด้วย



วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

ชนชาติต่าง ๆ ที่ได้รับเอาวิธีการเขียนของโรมัน


ชนชาติต่าง ๆ ที่ได้รับเอาวิธีการเขียนของโรมัน
หลังจากที่โรมันได้รับการเขียนจากกรีกมาแล้ว ก็ดัดแปลงวิธีการเขียนให้เป็นแบบตัวเอง โดยมีชนชาติต่าง ๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ได้รับวิธีการเขียนแบบโรมันไปใช้ในภาษาของตน ส่วนพวกสลาฟที่นับถือศาสนาคริสต์จากกรุงโรม เช่น เชค สโลวัค โครทส์ ฯลฯ ใช้อักษรแบบโรมันแต่มีการดัดแปลงโดยเติมเครื่องหมายบนตัวอักษร เช่น ภาษา Polish ใช้   cํ   และภาษา Czech ใช้ cv




การเกิดอักษรโรมัน


การเกิดอักษรโรมัน

วิวัฒนาการอักษรเกิดจากการบันทึกเหตุการณ์ด้วยการวาดภาพของพวกอินเดียนแดงขาวสุเมเรียน และ พวกบาบิโลเนียน ซึ่งพวกอินเดียนแดงจะวาดภาพลงบนหนังสัตว์ใช้ในการสื่อสารระหว่างเผ่าที่ใช้ภาษาแตกต่างกัน ระหว่างปี 3,000 - 4,000 BC ชาวสุเมเรียนซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ทางใต้ของเมโสโปเตเมีย ได้สลักอักษรภาพบนดินเหนียว  ทำให้เกิดเป็นรูปลิ่ม (Wedge shaped mark ) ทำให้เกิดอักษรที่เรียกว่า "Coneiform" (อักษรลิ่ม) หรือเรียกเป็นวิวัฒนาการจาก pictograph ---> ideograph ( การเขียนสัญลักษณ์แทนความคิด) 

ชาวสุเมเรียนเป็นพวกมีอิทธิพลมากที่สุดในบริวเณเมโสโปเตเมีย ต่อมาถูกกลุ่มชนเซมิติค เฃ่น ชาวลาบิโลเนีย และ อัสซีเรียเข้ามามิทธิพลแทนที่ และ รับเอาการเขียนของชาวสุมเมเรียนไปดัดแปลงให้เป็นของตนเองจน "อักษรลิ่ม" กลายเป็นภาษาเขียนของชาวตะวันออก.

มาถึงสมัยที่ใช้พู่กันและขนนก เขียนบนกระดาษ ( papyrus ) ซึ่งทำให้วิธีการเขียนง่ายขึ้น เช่น การเขียนของชาวอียิปต์ เมื่อ 3,000 BC. เรียกว่า "ไฮโรกลิฟฟิค ( Hieroglyphic )" แปลจากภาษากรีก หมายถึง holy carved เพราะชาวกรีกเชื่อว่าการเขียนอักษรนี้เพื่อจารึกเกี่ยวกับศาสนา

ประมาณ 700 BC. ชาวกรีกได้เดินทางไปยังตะวันออกและได้พบวิธีการเขียนอักษรของพวกฟีนีเชยน
( Phoenicians )  และกรีกได้รับอักษรมาและดัดแปลงให้เป็นแบบกรีกพร้อมทั้งเรียกชื่อการเขียนอักษรแต่ละตัวด้วย เช่่น A = Aleph เปลี่ยนให้เป็นกรีกลงท้ายด้วยสระ = Alpha และ B = Beth เปลี่ยนชื่อเป็น Beta

 A = Aleph --> Alpha
 B =  Beth  --> Beta

สรุปภาษาของชาวสุเมเรียน

  - ใช้รูปภาพแทนสัญลักษณ์ของคำ
  - วิวัฒนาการถึง ideogram มีอักษรลิ่ม
  - สัญลักษณ์แทนพยางค์


อักษรกรีกที่ใช้กันที่กรุงเอเธนส์ ซึ่งเรียกว่า “อักษรไอโอนิค (Ionic Alphabet)” อักษรนี้ได้กลายมาเป็นการเขียนแบบมาตรฐานของกรีก และโรมันได้รับการเขียนอักษรของกรีกจึงนำไปดัดแปลงวิธีการเขียนใหม่ให้เป็นแบบของโรมันเอง โดยชาติต่าง ๆ ในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ได้รับเอาวิธีการเขียนแบบโรมันไปใช้ในภาษาของตน



วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ดอกทอง คือ ผู้หญิงเลวทุกประเภท ทุกชนิด

คำว่า "ดอกทอง" คือ ผู้หญิงเลวทุกประเภท ต้นกำเนิดมาจากภาษาจีนแต้จิ๋วว่า “หลกท่ง” ซึ่งเป็นคำด่าที่มีความหมายตามตัวอักษร

"หลก" แปลว่า “แดงเหมือนเหล็กเผาไฟ”

 "ท่ง"แปลว่า”เลวเหมือนไฟในนรก”

ประวัติ

    ในอดีตมีสตรีจีนนางหนึ่ง ผู้ที่คิดทรยศสามีด้วยการอยากได้อยากมีสมบัติมาเป็นของตัวเอง นางจึงได้จ้างวานนักฆ่า ให้มาฆ่าสามีเพื่อหวังจะได้สมบัติเพียงผู้เดียว แต่นางหารู้ไม่ว่า ชายที่นางจ้างวานให้มาฆ่าสามีนั้นเคยเป็นคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของสามีมาก่อน ความจริงจึงปรากฎ ชายผู้เป็นสามีจึงได้คิดกำจัดนางโดยวางยาพิษแสร้งให้นางตายใจ ในคืนนั้นนางได้กินยาสมุนไพรพิษที่สามีเป็นคนปรุงเองกับมือ นางดิ้นทุรนทุรายก่อนจะขาดใจตาย สามีของนางได้กล่าวสาปแช่งนาง พร้อมกับคำพูดหนนึ่งว่า "หลกท่ง" เมื่อเข้ามาในประเทศไทย เข้าใจว่า คนไทยจะยืมคำ “หลกท่ง” นี้มาจากคนจีนแต้จิ๋ว โดยถ่ายสำเนียงกลับเพราะคิดว่าคนจีนพูดไม่ชัด พอนานๆเข้า เสียงการออกคำจึงเปลี่ยน จากคำว่า "หลกท่ง" กลายมาเป็น “ดอกทอง” และคนไทยส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า "ดอกทอง" เอาไว้ใช้เรียกผู้หญิงที่ แรด ร่านราคะ หรือชอบแย่งผัวชาวบ้าน แต่จริงๆแล้ว มันมีความหมายไม่ดีทั้งหมด ดังนั้น

ดอกทอง คือ ผู้หญิงเลวทุกประเภท ทุกชนิด 



วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

บิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์ คือ อดัม สมิธ(Adam Smith)

อดัม สมิธ (อังกฤษ: Adam Smith)
   
    นักปรัชญาศีลธรรม และ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองผู้บุกเบิกชาวสกอตแลนด์ อดัม สมิธ เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดแนวคิดเศรษฐศาสตร์แนวตลาดเสรี เป็นบุคคลสำคัญในขบวนการที่เป็นที่รู้จักในชื่อว่า "ยุคสว่างของสกอตแลนด์" (Scottish Enlightenment)

    แนวคิดทางปรัชญาการเมืองและสังคมของ อดัม สมิธ เป็นพื้นฐานและประยุกต์เข้ากับแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ในแง่ของการส่งเสริมการแข่งขันเสรี การแบ่งงานกันทำก่อให้เกิดความมั่งคั่งของประเทศ การค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการแบ่งงานกันทำระหว่างประเทศ จำทำให้สวัสดิการทางเศรษฐกิจของโลกดีขึ้น ถ้ามีการแข่งขันอย่างเสรมูลค่าของสิ่งของจะเท่ากัน ต้นทุนการผลิตและปัจจัยการผลิตจะได้รับผลตอบแทนเท่ากันในทุกอาชีพ แนวคิดของ อดัม สมิธ ยังคงมีอิทธิพลอยู่แม้ในปัจจุบัน เช่น แนวคิดเรื่องความมั่งคั่งของประเทศ การแข่งขันเสรี และการคลัง


วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัวควายมี 4 กระเพาะ

กระเพาะวัวควาย มี 4 ส่วน 
3 ส่วนแรกเป็นหลอดอาหาร ขยายตัวขึ้นไม่มีการหลั่งน้ำย่อยออกมา คือ

1. รูเมน (ผ้าขี้ริ้ว) - หมักอาหารโดยจุลินทรีย์ (มีการบีบตัวย้อนกลับไปที่ปาก)

2. เรติคิวลัม (รังผึ้ง) - บดและผสมอาหาร(มีการสำรอกอาหารไปที่หลอดอาหาร)

3. โอมาซัม (สามสิบกลีบ) - ดูดซับน้ำและสารละลาย และบดอาหารผสมอาหาร

4. อะโบมาซัม คือส่วนของกระเพาะที่แท้จริงมีน้ำย่อยหลั่งออกมาย่อยอาหาร


รายได้ทางเศรษฐศาสตร์

รายได้ทางเศรษฐศาสตร์ แบ่งเป็น 4 ประเภท 

ได้แก่

1. ค่าเช่า คือ ผลตอบแทนสำหรับเจ้าของที่ดิน
2. ค่าจ้าง คือ ผลตอบแทนสำหรับเจ้าของแรงงาน
3. ดอกเบี้ย คือ ผลตอบแทนสำหรับเจ้าของทุน
4. กำไร คือ ผลตอบแทนสำหรับผู้ประกอบการ

ศาสนาพราหมร์ - ฮินดู

ศาสนาพราหมร์ - ฮินดู

มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ เรียงจากสูงไปต่ำดังนี้

1. พราหมณ์ - สั่งสอนผู้คนให้มีความรู้

    เกิดจากโอษฐ์ของพระพรหม มีสีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะ คือ สีขาว ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์มีหน้าที่กล่าวมนต์ ให้คำปรึกษากับพระเจ้าแผ่นดิน ตลอดจนสอนมนต์ให้แก่คนทั่วไป ส่วนพวกที่เป็นนักบวชก็ทำหน้าที่สอนไตรเภทและประกอบพิธีทางศาสนา

2. กษัตริย์ - ปกครองบ้านเมือง

   เกิดจากพระอุระของพระพรหม และถือว่าสืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ สีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะ คือ สีแดง ซึ่งหมายถึงนักรบ ทำหน้าที่รบเพื่อป้องกันหรือ ขยายอาณาจักร รวมทั้งเป็นนักปกครอง เป็นพระเจ้าแผ่นดินหรือคณะผู้ปกครองแบบสามัคคีธรรม

3. ไวศยะ (แพศย์) - ค้าขาย

   เกิดจากพระเพลา (ตัก) ของพระพรหม มีสีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะ คือ สีเหลือง เป็นพวกแสวงหาทรัพย์สมบัติ ได้แก่พวกพ่อค้า คหบดี เศรษฐี และเกษตรกร

4. ศูทร - แรงงาน

  เกิดจากพระบาท (เท้า) ของพระพรหม มีสีเครื่องแต่งกายประจำวรรณะ คือ สีดำหรือสี อื่น ๆ ที่ไม่มีความสดใส มีหน้าที่เป็นกรรมกร ลูกจ้าง

5. จัณฑาล - แต่งงานข้ามวรรณะ

   จัณฑาล เป็นอีกวรรณะหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นพวกต่ำสุด คือ จัณฑาล ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ต่างวรรณะกัน ถือเป็นพวกจัณฑาล ซึ่งจะถูกรังเกียจและเหยียดหยาม ไม่มีคนในวรรณะอื่นคบหาสมาคมด้วย การถือวรรณะอย่างรุนแรงเช่นนี้ เป็นพื้นฐานอันสำคัญอย่างหนึ่งของสังคมอินเดียทั้งก่อนพุทธกาลและในสมัยพุทธกาล    


* การแต่งงานที่สามีภรรยาอยู่ในวรรณะเดียวกันลูกจะอยู่ในวรรณะเดียวกับพ่อแม่

** ถ้าแต่งงานข้ามวรรณะ ถือเป็นพวกจัณฑาล คือพวกไม่มีวรรณะ จะถูกสังคมรังเกียจและเหยียดหยามมาก



ชื่อเรียกของเงิน

ชื่อเรียกของเงิน เปลี่ยนไปตามสถานะ เช่่น

1.ให้โรงเรียน เรียกว่า แป๊ะเจี๊ยะ
2. แต่งงาน เรียกว่า สินสอด
3. หย่า เรียกว่า สินสมรส
4. ยืม เรียกว่า หนี้สิน
5. ให้รัฐบาล เรียกว่า ภาษี
6. ในศาลเรียกว่า ค่าปรับ
7. เกษียณ เรียกว่า บำนาญ
8. ให้ไปทำงานเรียกว่า เบี้ยเลี้ยง
9. ตอบแทนค่าบริการ เรียกว่า ทิป
10. ในการลักพาตัว เรียกว่า ค่าไถ่
11. จ่ายค่าบริการที่ผิดกฎหมาย เรียกว่า ส่วย


วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

การเรียงตัวอักษรบนคีย์บอร์ด

ทราบหรือไม่ ?

การที่ตัวอักษรบนคีย์บอร์ดเรียงจาก QWER  แทนที่จะเป็น ABCD นั้นเป็นเพราะถูกวิเคราะห์มาแล้วว่า การเรียงตัวอักษรแบบนี้จะทำให้นิ้วมือชนกันน้อยที่สุด