วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

20 สิ่งประดิษฐ์ "ชิ้นแรกที่เปลี่ยนโลก"!

20 สิ่งประดิษฐ์ "ชิ้นแรกที่เปลี่ยนโลก"! 

วันนี้จะพาคุณย้อนเข็มนาฬิกา ไปขุดคุ้ยหา 20 สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมา และถือว่าเป็นชิ้นแรกในโลก สิ่งของรอบตัวเราล้วนแล้วแต่ดีไซน์มาเพื่อประโยชน์การใช้งาน และความสวยงามแทบทั้งสิ้น แต่ถ้าในอดีตล่ะ สิ่งของเหล่านี้จะมีหน้าตาอย่างไร

1. ถุงยางอนามัย 




มีมานานนับ 11,000 ปี ก่อนคริสตกาล วัตถุประสงค์หลักคือใช้เพื่อป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อย โดยมีหลักฐานคือภาพวาดบนผนังถ้ำในประเทศฝรั่งเศส ที่รู้จักกันในชื่อ Grotte des Combarrelles และในศตวรรษที่ 25 ก็ก่อกำเนิดถุงยางอนามัยที่ใช้สำหรับป้องกันการตั้งครรภ์ นิยมใช้ในหมู่ชนชั้นสูง เป็นถุงยางที่ทำมาจากลำไส้ของสัตว์เช่น หมู แพะ นอกจากนั้นสมัยก่อนยังต้องนำถุงยางไปแช่นมอุ่นๆ ก่อนใช้งานเพื่อประสิทธิภาพอันดีเยี่ยม


2. ผ้าอนามัย 


ผ้าอนามัยวางขายครั้งแรกในปี 1895 มีลักษณะเป็นเข็มขัด การใส่คล้ายการนุ่งผ้าเตี่ยว (ที่ผู้หญิง ๆ ทั้งหลายสมัยก่อน ๆ เรียกว่าโกเต๊ก) ผลิตโดยบริษัท Johnson & Johnson โดยได้ไอเดียมาจากนางพยาบาลที่ใช้เยื่อไม้ซับเลือดผู้ป่วยในสนามรบ ส่วนสมัยก่อนหน้านั้นก็แล้วแต่ภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น ที่นำวัสดุใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้ ซึ่งที่มีทั้งขนสัตว์ หญ้ามอส ฟองน้ำทะเล หรือสาหร่าย ดีขึ้นมาหน่อยก็เป็น เศษผ้า และผ้าดิบ

3. รถยนต์ 

เกิดในปี 1886 หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม Karl Benz วิศวกรชาวเยอรมัน สามารถสร้างรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้คันแรกของโลกได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อ Benz Patent Motorwagen มีโครงสร้างแบบลูกสูบเหมือนเครื่องจักรไอน้ำ แต่เพิ่มอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนเชื้อเพลิงในรูปของเหลวให้กลายเป็นก๊าซ และเพิ่มวาล์วไอดี ไอเสียในรูปแบบของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ

4. ภาพยนตร์ 



ปีค.ศ.1889 Thomas Edison และ William Kennedy Laurie Dickson ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพยนตร์เครื่องแรกของโลกได้สำเร็จ เรียกว่า Kinetograph ซึ่งหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำก็คือ fred ott’s sneeze เป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ในระยะ Medium Close-up ของชายที่กำลังจาม ต่อมาพี่น้องตระกูล Lumière ประดิษฐ์เครื่องถ่ายทำและเครื่องฉายภายในตัวเดียวกัน เรียกว่า Cinematography โดยภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเรื่องแรกคือ La Sortie des ouvriers de I’ usine Lumiere (คนงานออกจากโรงงานลูมิแอร์) แสดงภาพชีวิตประจำวันของคนงานที่ออกจากโรงงาน ซึ่งเป็นการถ่ายที่ไม่มีการจัดฉากใดๆ ทั้งสิ้น

5. ยกทรง 


พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในลอนดอน จัดแสดงยกทรงที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ค้นพบเมื่อปี 1800 ก่อนเป็นบราเซียผ้า ประดับดาประดาให้ฟู่ฟ่าด้วยลูกไม้ และขนนก พร้อมกับแผ่นเสริมที่สามารถยัดไว้ด้านในเพื่อให้หน้าอกหน้าใจดูตู้ม และอุปกรณ์เสริมความงามที่ยกกันมาเป็นบ๊อกซ์เซ็ต ต่อมาปี 1914 Mary Phelps Jacob จดสิทธิบัตรยกทรงที่ทำจากผ้าเช็ดหน้า หลังจากนั้นเป็นต้นมายกทรงก็ได้กลายเป็นแฟชั่น และเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญที่ติดอกของผู้หญิงทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้


6. ยานอวกาศ 



ยาน Enterprise สัญชาติอเมริกันจากองค์การนาซ่า คือยานลำแรกของสหัรฐอเมริกา และของโลก โดยออกบินครั้งแรกด้วยตัวเองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 1977 ปัจจุบันถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Steven F. Udvar-Hazy Center

7. ชุดดำน้ำ 



 ปี 1952 Hugh Bradner นักฟิสิกส์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ออกแบบชุดดำน้ำตัวแรกของโลก โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และกองทัพเรือสหรัฐ ในการออกแบบชุดดำน้ำสำหรับทหาร

8. เรือดำน้ำ



เรือดำน้ำลำแรกของโลกมีชื่อว่า “Drebbel” ถูกสร้างขึ้นในปี 1620 โดย Cornelius Drebbel ชาวดัตช์ มันถูกสร้างเพื่อใช้ในงานราชการของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ โดยสร้างตามมาตรฐานของการออกแบบที่ระบุไว้โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษนามว่า William Bourne ซึ่งเรือดำน้ำ Drebbel นี้ขับเคลื่อนด้วยวิธีการพาย และควบคุมทิศทางด้วยหางเสือ

 9. คอมพิวเตอร์ 




ต้นแบบคอมพิวเตอร์นั้นมีมานานกว่า 2,600 ปี ก่อนคริสตกาล โดยชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus) ส่วนคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ทั่วโลกยอมรับมีชื่อว่า ENIAC (Electronics Numerical Integrator and Computer) พัฒนาขึ้นในปี 1946 โดย John W. Mauchly และ J. Prespern Eckert โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการสร้างระบบคำนวณวิถีกระสุนปืนใหญ่ สร้างขึ้นจากหลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด ใช้พื้นที่วางระบบถึง 15,000 ตารางฟุต หนักกว่า 30 ตัน และกินไฟถึง 140 กิโลวัตต์

 เพิ่มเติมนิดนึง คอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในสงครามนะจ๊ะ

10. โทรศัพท์บ้าน 



ถูกสร้างขึ้นในปี 1876 โดย Alexander Graham Bell เขาพยายามประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับคนหูพิการ ให้มีโอกาสได้ยินเหมือนคนปกติ โดยได้ไอเดียมาจากเสียงเพลงเปียโนที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของเส้นลวด จากนั้นเขาก็สามารถประดิษฐ์โทรศัพท์มันให้ส่งเสียงจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่งได้สำเร็จ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นโทรศัพท์บ้านในยุคปัจจุบัน


11. โทรศัพท์มือ 



ปี 1973 Martin Cooper คือชายคนแรกที่เป็นประดิษฐ์โทรศัพท์มือถือได้เป็นเครื่องแรก จนเป็นพัฒนามาเป็นสมาร์ทโฟนที่เราถือร่อนไปร่อนมาในทุกวันนี้ โดยเครื่องแรกที่วางขายนั้นคือรุ่น Motorola DynaTAC 8000X มีขนาด 13 x 1.75 x 3.5 นิ้ว หนักถึง 28 ออนซ์ จนมีฉายาว่า The Brick หรือก้อนอิฐก้อนโต

12. โทรทัศน์ 



วันที่ 7 กันยายน 1927 Philo T. Farnsworth ที่ตอนนั้นอายุเพียง 21 ปี สามารถส่งสัญญาณในรูปลายเส้นจากเครื่องส่งในห้องหนึ่ง ไปยังเครื่องรับอีกห้องหนึ่งได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากที่ใช้เวลาคิดค้นยาวนานถึง 7 ปีเต็ม ต่อมา 19 ตุลาคม 1929 Philo T. Farnsw ส่งสัญญาณโทรทัศน์ไปสู่เครื่องรับ โดยภาพนั้นเป็นภาพของเอลมา ภรรยาของเขา กับคลิฟ การ์ดเนอร์ ผู้เป็นน้องชายของภรรยา และถือว่า ภาพนี้เป็นภาพแรกของโลกที่ออกฉายสู่หน้าจอโทรทัศน์

13. รองเท้า 
 

ราว 5,000 ปีก่อนคริสตกาล นักโบราณคดีเชื่อว่ามันคือต้นกำเนิดของรองเท้าในปัจจุบัน เมื่อพวกเขาค้นพบรองเท้ากว่า 50 คู่ สภาพเกือบสมบูรณ์ในถ้ำ Fort Rock ประเทศอาร์มาเนีย ที่ทำด้วยเปลือกไม้และหนังวัว แต่อนิจจาเพราะไม่รู้ว่ารองเท้าที่เจอนั่นน่ะ มันเป็นของผู้หญิง หรือของผู้ชายกันแน่ แต่ด้วยรองเท้านั้นเป็นไซส์ 7 ขนาดมาตรฐานอเมริกา จึงคาดว่าน่าจะเป็นของผู้ชายไม่ผิดแน่


14. เกมส์ 



เกมส์ตัวแรกที่ผู้คนทั่วไปให้การยอมรับคือ “Tennis for Two” สร้างขึ้นในปี 1958 โดย William Higinbotham นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ในห้องปฏิบัติการ Brookhaven National Laboratory เกิดอาการเซ็งจิต เมื่อมีผู้เข้าชมห้องปฏิบัติการของเขาแล้วเห็นแต่หน้าปัดนิวเคลียร์เต็มไปหมด และด้วยความเซ็งนี้เอง เขานำคอมพิวเตอร์ที่ใช้คำนวณวิถีโค้งของจรวดมิสซายมาดัดแปลงเป็นเกมส์ซะเลย โดยมีเม็ดสีเขียวๆ มีเส้นคั่นกลางแบ่งเป็น 2 ฝั่ง แล้วใช้ปุ่มบังคับให้เม็ดสีเขียวเด้งไปมา จนใช้ชื่อว่า Tennis for Two อันเป็นจุดเริ่มต้นตำนานเกมส์มาจนถึงปัจจุบัน

15. มอเตอร์ไซค์ 



ถูกออกแบบและสร้างโดยนักประดิษฐ์ชาวเยอรมันชื่อ กอตต์ลีบ ไดม์เลอร์ (Gottlieb Daimler) จดสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1885 ต่อมาได้รับการพัฒนาให้เป็นรถสำหรับใช้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และต่อมาปี 1894 Hildebrand & Wolfmüller คือ มอเตอร์ไซค์ชุดแรกที่ถูกวางขายในเชิงพาณิชย์ และเป็นครั้งแรกที่เรียกอุปกรณ์ขับเคลื่อน 2 ล้อนี้ว่ามอเตอร์ไซค์

16. เครื่องบิน 




ฟลายเออร์ (Flyer) หรือ คิตตี้ ฮอว์ค (Kitty Hawk) คือเครื่องบินลำแรกของโลก สร้างโดยสองพี่น้องตระกูลไรท์ ที่ชื่อ ออวิลล์ และ วิลเบอร์ ผู้ติดปีกสร้างฝันให้กับมนุษย์ที่อยากท่องไปบนฟ้ากว้าง และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีพื้นฐานทางวิศวกรรม แต่หากความมุ่งมั่น และความตั้งใจจากการทดสอบหลายครั้งหลายคราที่ล้มเหลวนั้น ในที่สุดก็ก่อเกิดเป็นเครื่องบินลำแรกที่ลอยบนฟ้าได้นาน 59 วินาที และบินได้ไกลถึง 852 ฟุต

17. นาฬิกา 





นาฬิกามีมานานกว่า 3,500 ปี ในยุคที่มนุษย์นั้นคลุกคลีกับธรรมชาติ ดวงอาทิตย์จึงเปรียบเสมือนนาฬิกาเรือนแรกของโลก โดยการดูจากทิศทางของเงา เช่น ช่วงเช้าคือเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ช่วงกลางวันคือเวลาที่ ดวงอาทิตย์ตรงหัว และช่วงค่ำคือเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จนเป็นที่มาของนาฬิกาแดดที่ใช้บอกเวลาในสมัยนั้น

 18. บิกีนี่



เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 4 จากหลักฐานภาพวาดโมเสคที่ Villa Romana Del Casale ในประเทศอิตาลี แสดงภาพหญิงสาวสองคนกำลังลั้ลลากับลูกบอลชายหายด้วยชุดสองท่อน แต่ถ้าเป็นชุดบิกินีแบบโมเดิร์น ต้องขอบคุณ Jacques Heim ที่ได้ออกแบบ และตั้งชื่อชุดว่ายน้ำตัวกะจิ๋วหลิวให้ผู้ชายได้วาบหวิวเล่นว่า อะตอม (Atom) และ ในปีเดียวกัน Louis Reard ที่ตั้งชื่อว่าชุดว่า Bikini Atol จนเราเรียกว่าบิกินีจนคุ้นชิน


19. แอร์ 



อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มานานแสนนานในยุคของอียิปต์โบราณ โดยการนำต้นกกไปชุบน้ำแล้วแขวนไว้ตามประตู หน้าต่าง เป็นการระบายความร้อน และลดอุณหภูมิของห้องโดยใช้ประโยชน์จากลมธรรมชาติ เมื่อลมมันพัดผ่านต้นกกชุบน้ำ จากลมร้อนก็จะกลายเป็นลมเย็น และด้วยแนวคิดอันชาญฉลาดนี้จึงถือได้ว่า ต้นกกชุบน้ำนี่แหละคือแอร์ตัวแรกของโลก ซึ่งมันน่าจะเป็นต้นแบบในการประดิษฐ์แอร์ไฟฟ้ามาให้เราใช้จนถึงทุกวันนี้เนาะ

อ่านเพิ่มเติมได้จากที่นี่ http://breezairegypt.com/


20. พัดลม 




ปิดท้ายด้วยเทคโนโลยีความเย็นที่มีมานานอีกแล้วเช่นกัน โดยมีมาตั้งแต่อียิปต์โบราณ กรีก และโรมัน ซึ่งดับร้อนด้วยการใช้ใบบัวขนาดใหญ่ หรือขนนกยูง ขณะที่ชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 8 ใช้วิธีพับกระดาษทบไปทบมา (ก็ไอ้ที่เราเคยพับตอนเด็ก ๆ นั่นแหละ) ส่วนของไทยจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากจากพัดโบกที่เราเห็นในหนังจักรๆ วงศ์ๆ จนคุ้นตา


 20 สิ่งแรกของโลกไม่น่าเชื่อว่าของทั้งหมดนั้น จะมาจากความคิดความอ่านของคนสมัยก่อน จนคนที่อยู่ในยุคปัจจุบันอย่างเราๆ ต้องซูฮกให้เลย











 ที่มา : wikipedia, yourtango.com, oknation.net, filmv.wordpress.com, dailymail.co.uk, guru.sanook.com, content.time.com

สิ่งประดิษฐ์ทั้ง 4 ของจีน


สิ่งประดิษฐ์ทั้ง 4 ของจีน หรือที่เรียกว่า จตุรประดิษฐ์” ปรากฏขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ แสดงถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนในอดีตได้ดีที่สุด อันประกอบไปด้วย

 
ภาพวาดเข็มทิศที่ใช้บนเรือสมัยราชวงศ์หมิง
 

เข็มทิศ

       ใน ยุคจ้านกั๋ว ชาวจีนได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือที่มีลักษณะเป็นหินแม่เหล็ก นำมาประยุกต์ใช้กับเครื่องมือในการบอกทิศทางที่เรียกว่า ซือหนานมีลักษณะเป็นช้อนแม่เหล็กตั้งอยู่บนฐานสลักตัวอักษรบอกทิศทาง ซึ่งคันช้อนชี้ไปทางทิศใต้และปลายอีกด้านหนึ่งชี้ไปทางทิศเหนือ ครั้นถึงสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนำแผ่นเหล็กและฐานสลักตัวอักษรบอกทิศทางมารวม กัน เรียกว่า หลัวผานประเทศจีนจึงเป็นชาติแรกของโลกที่ประดิษฐ์เข็มทิศขึ้น เข็มทิศนี้ถูกนำไปใช้ในการเดินเรือในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 ภายหลังจากการใช้เข็มทิศอย่างแพร่หลายจึงมีการพัฒนาปรับปรุงรูปลักษณ์ของ เข็มทิศให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น

 
ปืนใหญ่สำหรับถือด้วยมือ ถ่ายจากพิพิธภัณซ่านซี่ มลฑลซีอาน ทำจากสำริด สมัยราชวงศ์หยวน ค.ศ.1271 - ค.ศ. 1368


ดินปืน

       ส่วนประกอบสำคัญ ของดินปืน ได้แก่ ดินประสิวหรือโพแทสเซียมไนเตรท กำมะถัน และผงถ่านรวมเข้าด้วยกัน เบื้องต้นการคิดค้นดินปืนมีความเกี่ยวข้องกับการกลั่นยาอายุวัฒนะในสมัย โบราณ กล่าวคือนักปรุงยาได้นำแร่ธาตุและพันธุ์พืชมากมายมาผสมและใส่ลงไปในเตาต้ม รวมกัน ทว่าการปรุงยาอายุวัฒนะนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในขณะกลั่นยาเตาเกิดระเบิดขึ้น นักปรุงยาจึงพบธาตุที่เป็นชนวนระเบิดได้จากการเผาไหม้นั้นโดยบังเอิญ เป็นเหตุให้ดินปืนถูกประดิษฐ์ขึ้นและนำไปใช้ในงานด้านการทหาร โดยดินปืนนี้คิดค้นได้สำเร็จในสมัยราชวงศ์ถังตอนปลาย

 
กระดาษที่ทำจากพืชตะกูลป่าน มักใช้สำหรับห่อของไม่นิยมใช้เขียน ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณส่านซี เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ถูกขุดค้นพบจากสุสานจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ สมัยราชวงศ์ฮั่น (140 ก่อนคริสตกาล-87 ก่อนคริสตกาล)


  กระดาษ

       ชาวจีนสมัยโบราณ ใช้วิธีเขียนหนังสือลงบนแผ่นไม้ไผ่ กระดองเต่า และกระดูกสัตว์ แต่ทั้งหมดนี้มีน้ำหนักมาก พกพาไม่สะดวก สมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นเริ่มมีความเห็นว่าการเขียนลงบนผ้าไหมดีกว่า การเขียนลงบนแผ่นไม้มาก แต่ผ้าไหมก็เป็นสินค้าที่มีราคาแพงเกินไป กระทั่งสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ขุนนางผู้หนึ่งนามว่า ไช่หลุน (蔡伦) เป็นผู้ค้นพบวิธีผลิตกระดาษ โดยนำเปลือกไม้ เศษผ้า และตาข่ายดักปลามาบดผสมกันจนป่น จากนั้นก็นำมาตากแห้งจนกลายเป็นแผ่น กระดาษชนิดนี้จึงมีชื่อว่า กระดาษไช่หลุนนับเป็นการประดิษฐ์ของชาวจีนที่นำความภาคภูมิใจนี้ส่งต่อไปยังทั่วโลก

 
พระสุภูติกราบทูลอาราธนาพระโคตมพุทธเจ้าแสดงวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร ภาพจากม้วนหนังสือวัชรปรัชญาปารมิตาสูตรที่พบในถ้ำตุ้นหวง ประเทศจีน
 แท่นพิมพ์

       ก่อน การคิดค้นแท่นพิมพ์สำเร็จมักใช้วิธีคัดลอกตาม ดังนั้นกว่าจะได้หนังสือสักเล่มย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อมาผู้คนเริ่มใช้วิธีพิมพ์โดยวางกระดาษทาบลงบนศิลาจารึก สมัยราชวงศ์ถังมีการคิดค้นแม่พิมพ์สลักขึ้น โดยการแกะตัวอักษรลงบนแผ่นไม้ ใช้หมึกทาแล้วเอากระดาษทาบ สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ปี้เซิงคือผู้ที่คิดค้นตัวเรียงพิมพ์ขึ้น เขาใช้วิธีแกะสลักตัวอักษรแต่ละตัวลงบนดินเหนียวทีละก้อนก่อนนำไปเผาไฟให้ แข็ง ตอนพิมพ์ให้เรียงตัวอักษรที่ต้องการ ทาหมึกลงไปแล้ววางกระดาษทาบลง ตัวอักษรที่แกะสลักเหล่านี้ยังนำไปใช้ซ้ำได้อีกด้วย วิธีการพิมพ์ของปี้เซิงเป็นต้นแบบของการพิมพ์ที่ใช้ตะกั่วในยุคหลัง



















ที่มา : https://th.wikipedia.org

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

ข้อแตกต่างของ สารละลาย คอลลอยด์ และ สารแขวนลอยด์

ข้อแตกต่างของ สารละลาย คอลลอยด์ และ สารแขวนลอยด์

1. ขนาดของอนุภาค เรียงจากใหญ่ไปเล็ก ได้แก่
     - สารละลาย (น้อยกว่า  10-7  cm.)
     - คอลลอยด์  ( ระหว่าง 10-7  - 10-4  cm. )
     - สารแขวนลอยด์ ( มากกว่า 10-4  cm. )

2. สารละลาย คอลลอยด์ อนุภาคเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลา จึงไม่ตกตะกอน ส่วนสารแขวนลอยด์ อนุภาคไม่เคลื่อนที่จึงตกตะกอน

3. อนุภาคในสารละลายสามารถลอดผ่านกระดาษกรองและเซลโลเฟนได้ ส่วนคอลลอยด์ลอดผ่านกระดาษกรอง สารแขวนลอยด์ไม่ผ่านทั้งกระดาษกรองและเซลโลเฟน

4. ปรากฎการณ์เมื่อผ่านลำแสงต่างกันคือ คอลลอยด์เกิดลำแสง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “กระเจิงแสง” หรือ “ปรากฏการณ์ทินดอลล์”

การค้นพบเซลล์สิ่งมีชีวิต

การค้นพบเซลล์สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1655 โดย นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ โรเบิร์ต ฮุค (Robert Hooke) ได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นสังเกตโครงสร้างเล็กๆ ของไม้คอร์ก (cork) ที่ถูกเฉือนเป็นแผ่นบางๆ พบว่ามีลักษณะเป็นห้องเล็กๆ คล้ายรังผึ้ง เขาได้เรียกห้องเล็กๆเหล่านี้ว่าเซลล์ ซึ่งการศึกษาเซลล์ไม้คอร์กของโรเบิร์ต ฮุค ในครั้งนั้นเป็นการค้นพบเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเป็นครั้งแรก แต่เป็นเซลล์ที่ตายแล้วคงเหลือแต่ส่วนของผนังเซลล์ (cell wall) เท่านั้น




 รูปที่ 3.1 กล้องจุลทรรศน์ของโรเบิร์ต ฮุค (ซ้าย) และเซลล์ไม้คอร์กที่ตายแล้ว (ขวา)


 
ต่อมาในปี ค.ศ. 1674 -1683 อังตวน แวน เลเวนฮุค (Anton Van Leeuwenhoek)นักวิทยาศาสตร์ชาวดัทช์ (Dutch) ได้พัฒนากล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายกว่า 200 เท่าและใช้ในการสังเกตสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กรูปร่างๆ แตกต่างกัน ได้แก่ โปรโทซัว (protozoa) แบคทีเรีย (bacteria) และสเปิร์ม (sperm) การค้นพบในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการค้นพบเซลล์ จุลินทรีย์เป็นครั้งแรก


 
รูปที่ 3.2 อันตวน แวน เลเวนฮุค (ซ้าย) และกล้องจุลทรรศน์ของเลเวนฮุค (ขวา)

 
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1830-1839 นักพฤกษศาสตร์ มัตทิอัส ชไลเดน (Matthias Schleiden) และนักสัตววิทยา เทโอดอร์ชวันน์(TheodorSchwann) ได้ศึกษาเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ชนิดต่างๆรวมทั้งศึกษาบทบาทของนิวเคลียส (nucleus)ภายในเซลล์ต่อการแบ่งเซลล์ชไลเดนและชวันน์ได้รวบรวมความรู้ที่ได้ และจัดตั้งเป็นทฤษฎีเซลล์ (TheCellTheory)

โดยมีใจความที่สำคัญดังนี้

1. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบด้วยเซลล์
2. เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
3. เซลล์เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ที่มีอยู่ก่อน

หลังการจัดตั้งทฤษฎีเซลล์ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ในรุ่นต่อมาได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับองค์ประกอบ ภายในเซลล์และหน้าที่ ขององค์ประกอบเหล่านี้มากขึ้นซึ่งทำให้เกิดความรู้ใหม่ที่ลึกซึ้งและ เป็นประโยชน์อย่างมากมายในปัจจุบัน




รูปที่ 3.3 มัตทิอัส ชไลเดน (ซ้าย) และทีโอดอร์ ชวันน์ (ขวา)



















ขอบคุณที่มา : http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/BP1/Program/chapter3/p1.html

สิ่งมีชีวิตบนโลกประกอบด้วยธาตุหลัก 4 ธาตุ คือ

สิ่งมีชีวิตบนโลกประกอบด้วยธาตุหลัก 4 ธาตุ คือ 

ไฮโดรเจน (H)
ออกซิเจน (O)
ไนโตรเจน (N)
คาร์บอน (C)

ซึ่งเป็นธาตุเบาที่มีอยู่ทั่วไปบนโลกและในจักรวาล นอกจากนั้นเซลล์ยังใช้

ฟอสฟอรัส(P) และ กำมะถัน (S) ในการสร้างวัสดุโครงสร้างของเซลล์ และกระบวนการเผาผลาญอาหาร เพื่อสร้างพลังงาน ธาตุทั้งหกนี้พบทั่วไปในสารอินทรีย์ของเซลล์ โดยประกอบกันเป็นโมเลกุล ดังนี้

น้ำ เป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ มีอยู่ประมาณร้อยละ 70 ของน้ำหนักเซลล์ทั้งหมด

ไขมัน (Lipids) มีโครงสร้างเป็นไฮโดรคาร์บอน ไม่ละลายน้ำ เป็นองค์ประกอบหลักของ เนื้อเยื้อต่างๆ และมีหน้าที่เก็บสะสมพลังงานเคมี

คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) มีโครงสร้างเป็นไฮโดรคาร์บอนเช่นเดียวกับไขมัน แต่มีกลุ่มไฮดรอกซิล (-OH) ซึ่งมีคุณสมบัติในการละลายน้ำ ประกอบด้วยวงแหวนโมเลกุล ของน้ำตาล ซึ่งเมื่อแตกตัวแล้วให้พลังงานออกมา

โปรตีน (Protein) เป็นโมเลกุลที่มีความสลับซับซ้อนมากที่สุด ประกอบขึ้นด้วยกรดอะมิโน (Amino acid) หลายชนิดเรียงต่อกันเป็นสายยาวสลับซับซ้อน คอยทำหน้าที่ต่างๆ ภายในเซลล์ นับตั้งแต่ควบคุมปฏิกิริยาเคมีไปจนถึงเป็นโครงสร้างของร่างกาย ได้แก่ โปรตีนโครงสร้าง เช่น ขน เล็บ เอ็น; โปรตีนขนส่ง เช่น เฮโมโกลบิน ในเม็ดเลือด; โปรตีนภูมิคุ้มกัน เช่น แอนติบอดี; โปรตีนเร่งปฏิกิริยา เช่น เอนไซม์ เป็นต้น (สิ่งชีวิตสร้างโปรตีนมากมายหลายพันชนิด ขึ้นจากกรดอะมิโนเพียง 20 ชนิด)